
พ.ญ.โสมสราญ วัฒนะโชติ
ปัจจุบัน
ที่ปรึกษาศูนย์จักษุ และเลสิก โรงพยาบาลกรุงเทพ, อดีตผู้อำนวยการศูนย์จักษุ และเลสิก โรงพยาบาลกรุงเทพ, เลขานุการมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน
การศึกษา
- มัธยมปลาย โรงเรียนสตรีวิทยา ได้รับทุนสภากาชาดไทยไปเป็นผู้แทนอนุกาชาดไทย ร่วมประชุมอนุกาชาดโลกที่จัดโดยกาชาดสหรัฐอเมริกาที่ฮาโคเน่ ประเทศญี่ปุ่น 1 เดือน ตอนอยู่ ม.ศ.1 , ม.ศ. 5 ได้รับทุนแลกเปลี่ยนทุน AFS รุ่นที่ 4 ระหว่างปี 2508 – 2509 เรียนชั้นมัธยมปีสุดท้าย Grade 12 ที่ Mahwah JR.SR. High School ที่ Allendale, New Jersey U.S.A. 1 ปี หลังกลับจากสหรัฐอเมริกาได้สอบชิงทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างปี 2510 – 2517
- จบแพทย์ศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยชิบะ ปี 2517 สอบผ่านใบประกอบโรคศิลป์ประเทศญี่ปุ่น และ ECFMG ในปีเดียวกัน
ประวัติการทำงาน
2517 – 2518
เป็นแพทย์ฝึกหัด และแพทย์ทางจักษุวิทยาที่โรงพยาบาลเซ็นต์ลุกส์ ST.Luke international hospital Tokyo Japan
2518 – 2519
เป็นแพทย์ฝึกหัดที่โรงพยาบาลศิริราช 1 ปี สอบได้ประกอบโรคศิลป์ ประเทศไทย และประกาศนียบัตรชั้นสูงทางการแพทย์
2519 – 2522
เข้าอบรมแพทย์ประจำบ้าน ภาควิชาจักษุวิทยา โรงพยาบาลศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล สอบผ่านวุฒิบัตรจักษุวิทยาปี 2522
2522 – 2523
รับราชการเป็นจักษุแพทย์ที่โรงพยาบาลเด็ก กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข ดูแลเด็กที่ป่วยโรคตา และหู คอ จมูก
2523 – 2526
ไปเรียนการทำผ่าตัดจอประสาทตาที่ Tohoku University Sendai ประเทศญี่ปุ่น ทำงานในฐานะ Staff และ Fellowship ทางจอประสาทตา 1 ปี ที่มหาวิทยาลัยอีก 2 ปี ไปทำงานที่โรงพยาบาลเคียวริสซึ Kyoritsu Hospital Fukushima
2526 – 2536
รับราชการเป็นจักษุแพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถี ใน ตำแหน่ง หัวหน้างานเรติน่า หรือ จอประสาทตา กรมการแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถีเป็นโรงพยาบาลแรกของหน่วยงานโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขที่มีเครื่องอาร์กอนเลเซอร์มาใช้ในการรักษาเบาหวานเข้าจอประสาทตา และมีการผ่าตัดจอประสาทตาลอกหลุดจำนวนมากขึ้น และเริ่มงานผ่าตัดน้ำวุ้นตา ช่วยเหลืองานทางกระทรวงสาธารณสุขในการควบคุมโรคไม่ติดต่อ เป็นเลขาธิการโครงการป้องกันตาบอด ของกรมการแพทย์ เป็นผู้ประสานงานโครงการผ่าตัดตากับองค์กร ORBIS U.S.A. เป็นผู้ประสานงานการจัดตั้งโครงการอบรมจักษุแพทย์โรงพยาบาลศูนย์ เรื่องการผ่าตัดจอประสาทตาลอกหลุด และผ่าตัดน้ำวุ้นตา ปี พ.ศ. 2528 – 2531 โดยมีวิทยากรจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทยจากจุฬาฯ, ศิริราช รามาธิบดี, ราชวิถี และจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในแคนาดามาร่วมสอน ถึง 13 ท่าน ได้รับการสนับสนุนด้านวิทยากรจากรัฐบาลแคนาดา และค่าเครื่องบินจาก ORBIS Canada จาก United Air Line ทางงบประมาณทางไทยได้รับจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับส่งเสริมนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข เน้นถึงความสำคัญการรักษาจอประสาทตาให้ได้ในระดับโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศไทย โรงพยาบาลราชวิถีได้รับบริจาคเครื่องมือรักษาจอประสาทตา และน้ำวุ้นตาจากต่างประเทศ ได้รับเครื่องยิงแสงเลเซอร์ ผลิตจากประเทศเยอรมัน ใช้รักษาจอประสาทตา (Endolaser) เวลาทำผ่าตัดน้ำวุ้นตาจากรัฐบาลญี่ปุ่น ร่วมมาในโครงการศูนย์โรคนิ่วของโรงพยาบาลราชวิถี ได้รับเครื่องมือผ่าตัดน้ำวุ้นตา และเครื่องตรวจตาต่าง ๆ จากรัฐบาลแคนาดา เนื่องจากต้องปรับปรุงห้องตรวจตาโรงพยาบาลราชวิถี ให้เป็นสถานที่หนึ่งที่ให้การอบรมจักษุแพทย์โรงพยาบาลศูนย์ จึงได้งบประมาณส่วนหนึ่งจากกรมการแพทย์ปรับปรุงสถานที่ ห้องอบรม ห้องตรวจตาต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องมือตรวจตาบางส่วนก็ได้รับบริจาคจากองค์กร Christian Blinden Mission เนื่องจากแพทย์หญิงโสมสราญ วัฒนะโชติ เป็นเลขาธิการโครงการป้องกันตาบอด และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกผ่าตัดต้อกระจกในโรงพยาบาลชนบท มีส่วนช่วยประสานงานติดต่อให้จักษุแพทย์ไทยไปอบรมด้านการผ่าตัดจอประสาทตาที่ประเทศแคนาดา ปัจจุบันมีจักษุแพทย์ไทยกลับมาดำเนินงานการรักษาผ่าตัดจอประสาทตาในโรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลอื่น ๆ ในประเทศไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็นเลขานุการมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน มูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชนได้รับ อนุญาตให้จัดตั้งเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2532 จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ มีสำนักงานตั้งอยู่ในโรงพยาบาลราชวิถี มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขสภาพตาบอดจากต้อกระจก และโรคตาอื่น ๆ แก่ประชาชนที่มีฐานะยากจน ตลอดจนสนับสนุนการวิจัยด้านการแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านจักษุวิทยา เพื่อให้ประชาชนมีสายตาที่ดีและเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต มูลนิธิฯ ได้ร่วมทำการวิจัยกับองค์การออร์บิช นิวยอร์ค - แคนาดา มูลนิธิฯ เลออนฮาร์ด และคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศึกษาวิจัยสถิติผู้ป่วย เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการผ่าตัดต้อกระจก ระหว่างการผ่าตัดแบบลอกต้อกระจกออกแล้วใส่แว่นตา(ICCE) กับการผ่าตัดลอกต้อกระจกออกแล้วใส่เลนส์ตาเทียม (ECCE) พบว่าการผ่าตัดด้วยวิธีหลัง คนไข้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าอย่างมีนัยสัมพันธ์ที่ชัดเจน มูลนิธิฯ จึงใช้การรักษาต้อกระจกด้วยการผ่าตัดลอกต้อกระจกออกแล้วใช้เลนส์ตาเทียม เป็นหลักมาตลอดจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การบริการประชาชนด้านโรคตาเป็นไปโดยกว้างขวางและแพร่หลาย มูลนิธิฯได้เรียนเชิญบุคคลจากสาขาอาชีพต่าง ๆ เข้าร่วมเป็นกรรมการมูลนิธิฯ และได้เปลี่ยนชื่อมูลนิธิฯ โดยใช้ชื่อว่า “มูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน” จากการสนับสนุนและเอื้อเฟื้อของโรงพยาบาลกรุงเทพ ให้สถานที่ในศูนย์จักษุ ณ.อาคารใหม่เป็นสำนักงานของมูลนิธิฯจึงย้ายมายัง เลขที่ 2 ซอยศูนย์วิจัย 7 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ 10320 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้อนุญาตการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2537 นายพิพัฒน์ ปรีดาวิภาต เป็นประธาน และ นายสมบัติ รูปประดิษฐ์ เป็นรองประธานฝ่ายจัดหาทุน วันที่ 16 สิงหาคม 2538 กระทรวงการคลังได้ประกาศตามประกาศกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 34 กำหนดให้มูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน เป็นองค์การ หรือสถานสาธารณกุศลตามมาตรา 47 (ก)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นองค์การสาธารณกุศลลำดับที่ 279 ดังนั้นเงินค่าบริจาคที่ให้กับมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน นำไปหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้ได้ตามกฎหมาย
2536
เริ่มบุกเบิกงานจักษุที่โรงพยาบาลกรุงเทพ จากปี 2536 ถึง ปี 2562 ทำงานที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ศูนย์จักษุและเลสิก ในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์จักษุและเลสิก
2558
ได้รับรางวัล APAO Distinguished Service Award และ Outstanding in Prevention of Blindness Award ที่เมืองกวางโจว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในผลงานที่ทำกับมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน
2563
ที่ปรึกษาศูนย์จักษุ และเลสิก โรงพยาบาลกรุงเทพ